ในบทความนี้ ผมต้องการจะแสดงให้เห็นว่า องค์ความรู้ของวิชาธรรมกายสอดคล้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์เป็นอย่างดี
ในการค้นคว้าหาความรู้ที่จะมามาเขียนนั้น ผมได้มาจาก
- การอ่านเอกสารที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาจำนวนมาก
- การปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง
- การเป็นวิทยากรไปสอนตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และจัดการอบรมเป็นครั้งคราว
- จากการสังเกต
- จากการสัมภาษณ์ และ
- จากการทำวิจัยของตนเองและเป็นที่ปรึกษางานวิจัยของคนอื่นๆ
ดังนั้น องค์ความรู้ของวิชชาธรรมกาย ซึ่งมีตำรับตำราเขียนไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นความจริง (truth)
และเป็นความจริงที่สอดคล้องกับองค์ความรู้ของฟิสิกส์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันแทนองค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตัน
อย่างไรก็ดี ผมไม่เห็นด้วยกับนักเขียนหลายๆ คนที่ไปเหมารวมเอาว่า ความจริงของไอน์สไตน์กับความจริงของศาสนาพุทธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เพราะศาสนาพุทธก็คือศาสนาพุทธ มีวิธีการศึกษาที่มีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนกับการศึกษาของวิทยาศาสตร์
การกระทำของนักเขียนหลายๆ คนดังกล่าว ก็เดินทางผิด หรือซ้ำรอยเดิมเช่นเดียวกับพุทธวิชาการในยุคที่ผ่านมา ที่เอาวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตันมาเป็นไม้บรรทัดหรือหลักเกณฑ์ที่ตัดสินว่า เนื้อหาของพุทธศาสนาเถรวาทส่วนใดเป็นจริง ส่วนใดเป็นมายาคติ (myth)
เมื่อความรู้ของฟิสิกส์ใหม่ตีความรู้ของวิทยาศาสตร์เก่าตกไป พุทธวิชาการเหล่านั้นก็มีอาการหน้าแตกหมอไม่รับเย็บไปตามๆ กัน
ปัจจุบันพุทธวิชาการชุดนั้น จึงไม่กล้าเขียนงานวิชาการทำนองนี้ออกมาอีก บางส่วนก็เก็บตัวเงียบไป บางส่วนก็ไปเขียนเรื่องอื่นๆ
การเปรียบเทียบองค์ความรู้ระหว่างวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์เก่าของนิวตัน หรือจะเป็นฟิสิกส์ใหม่ของไอน์สไตน์ก็ตาม กับองค์ความรู้ของพุทธศาสนานั้น
ในการที่จะ "รู้" และ "เข้าใจ" อย่างถูกหลักวิชาการ ควรที่จะต้องเข้าใจแนวคิดรากฐานขององค์ความรู้ของตะวันตกเสียก่อน นั่นก็คือ อภิปรัชญา (Metaphysics)[1]
อภิปรัชญา (Metaphysics)
อภิปรัชญา (Metaphysics) เป็นสาขาวิชาที่ศึกษาถึงความเป็นจริงแท้หรือความจริงสูงสุดของจักรวาล พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ต้องการหาคำตอบของคำถามประเภทที่ว่า
- ความจริงสูงสุดคืออะไร
- ชีวิตกายและจิตคืออะไร
- เนื้อแท้หรือแก่นแท้ของโลกคืออะไร เป็นต้น
ผมจึงแบ่งเนื้อหาของอภิปรัชญาอย่างคร่าวๆ ออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ สสารนิยม (Materialism) กับ จิตนิยม (Idealism)
กลุ่มสสารนิยมเชื่อว่า สสารหรือพลังงานเป็นปฐมธาตุหรือเป็นธาตุพื้นฐานที่สุดของสรรพสิ่ง กลุ่มสสารนิยมรู้จักจิตเหมือนกัน แต่เห็นว่าจิตเป็นเพียงปรากฏการณ์ของสสาร
อาการของจิต หรือ ความรู้สึกนึกคิด จึงเป็นเพียงปฏิกิริยาทางเคมีของการทำงานทางสมองเท่านั้น สิ่งที่เรียกว่าจิตไม่ถือว่ามีอยู่จริง
นอกจากนั้นแล้ว กลุ่มนี้ยังเชื่อว่า สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น และ กายเท่านั้น คือ สิ่งที่มีอยู่จริง
โดยสรุป
กลุ่มสสารนิยมเห็นว่า โลกนี้มีเพียงความจริงอย่างเดียว คือ สสารกับปรากฏการณ์ของสสาร กลุ่มจิตนิยม มีความเชื่อว่า องค์ประกอบของโลกหรือจักรวาลมี 2 ส่วน คือ สสารกับจิต เมื่อพิจารณาเฉพาะมนุษย์ กลุ่มจิตนิยม จึงเห็นว่า มนุษย์มีส่วนประกอบ 2 อย่าง คือ กาย กับจิต (Body and Mind)
จิต คือ ความเป็นจริงสูงสุด และมีความสำคัญกว่าร่างกายหรือสสารเพราะจิตเป็นตัวตนที่แท้จริง ส่วนร่างกายเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น
………………….
เชิงอรรถ
[1] แนวคิดรากฐานขององค์ความรู้ของตะวันตกไม่ได้มีอภิปรัชญา (Metaphysics) แต่เพียงอย่างเดียว ยังมีแนวคิดอื่นๆ เช่น ทฤษฎีความรู้/ญาณวิทยา (Epistemology) หรือตรรกวิทยา (logic) เป็นต้น แต่บทความนี้ต้องการเน้นอภิปรัชญา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น